วันนี้ 30 ต.ค. 61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความอาถรรพ์ และความลี้ลับของศาลเก่าแก่ ที่ถูกเรียกกันว่า ศาลเจ้าพ่อแบงค์กาโม่ ที่ตั้งอยู่ริมถนนสุขุมวิท ติดรั้วกำแพงสนามบินนานาชาติ อู่ตะเภา อ.บ้านฉาง จ.ระยอง



บริเวณก่อนถึงสะพานคลองบางไผ่ ยัง เป็นที่ร่ำลือถึงความลี้ลับมานาน ตั้งแต่มีศาลหลังนี้ใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นฟ้าฝ่าต้นยาง ที่อยู่ติดกับศาล จนมีไฟไหม้ติดต่อกันถึง 3 วัน 3 คืน


ความเฮี้ยนของศาลที่มีคนประสบอุบัติเหตุจนต้องมาตายหน้าศาลแห่งนี้แล้วหลายศพ จนกระทั่งนักเสียงโชคพากันมาขอเลขเด็ดและถูกรางวัลกันทุกงวด เห็นได้จากการมาแก้บนด้วยแบงค์กาโม่ ติดไว้จนรอบตัวศาล กลายเป็นความแปลกตา ทำให้ถูกเรียกชื่อว่าศาลเจ้าพ่อกาโม่ ที่มีความศักดิ์สิทธิ์ ให้โชคลาภเห็นทันตา ต่อมาก็มีมือดีแอบมาทุบทำลายศาลจนเสียหาย ซึ่งชาวบ้านต่างเชื่อกันว่าเป็นฝีมือของเจ้ามือหวยที่หวาดหวั่นสั่งให้คนย่องมาทุบทำลายศาลพังเสียหายไปหลายต่อหลายครั้ง
และเมื่อช่วงเย็นของวันที่ 26 ตุลาคมที่ผ่านมา ได้มีอุบัติเหตุรถบรรทุกทราย ขับมาดีๆ พอมาถึงหน้าศาล เกิดยางล้อหลังแตกรถหมุนอยู่หลายรอบ เกือบจะปีนข้ามเกาะกลาง คนขับประคองรถอยู่สุดท้ายก็ไม่ข้าม แต่เสียหลักท้ายปัดไปชนศาลจนพังราบ เหลือไว้เพียงต้นโพธิ์ต้นเดียวนอกนั้นราบเป็นหน้ากอง ท้ายรถตกไปอยู่ในคูน้ำด้านหลังศาล โชคดีที่คนขับไม่เป็นอะไร ซึ่งร่องรอยของเหตุการณ์ครั้งนี้ ยังหลงเหลือให้เห็น


เชื่อว่าความศักดิ์สิทธิ์ของศาลคงดลบันดาลให้เกิดเหตุการณ์ต่างๆนานา เพราะในวันต่อมา คือวันที่ 27ตุลาคม ได้มีนายวันดี อายุ 42 ปี ชาวอำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี ซึ่งถูกรางวัลก้อนโตเมื่อทราบข่าวว่าศาลถูกทำลายจากเจ้ามือหวยที่ขยาดไม่กล้ารับซื้อเลขจากเจ้าพ่อแบ้งค์กาโม่ ก็ตั้งใจนำศาลใหม่มาถวาย


ชาวบ้านต่างพากันร่ำลือถึงความศักดิ์สิทธิ์ โดยเฉพาะโชคลาภที่ต่างได้สมหวังดังใจ จึงพากันมากราบไหว้ เสี่ยงเซียมซี บ้างก็สอดส่องมองหาเลข แม่นไม่แม่นก็เห็นได้จากของเซ่นไหว้ จำนวนมาก ที่เรียงรายอยู่หน้าศาลใหม่เอี่ยม อีกทั้งข้าวของ แบ้งค์เก๊ และแบ้งค์จริง ก็ยังมีทั้งใส่กะจาด เสียบไว้ตามช่องต่างๆ จนทั่วบริเวณศาล พร้อมเผยเลขเด็ด 17,71,28,82



อย่างไรก็ตาม ใครที่มากราบไหว้ขอพร แนะนำว่าให้ระมัดระวัง อุบัติเหตุเนื่องจากศาลตั้งริมถนนสุขุมวิท ที่รถสัญจรไปมาอย่างรวดเร็ว ต้องใช้ความระมัดระวังอย่าประมาท
ภาพเหตุการณ์


ภาพเหตุการณ์


ภาพเหตุการณ์


ขอบคุณ Brighttv


Cr:https://www.siamnews.com/view-25235.html